ข่าวสารและโปรโมชั่น
Update news and prmotions from Thongsuk
คุณใช่ไหม?
เรากำลังคุยกับคุณที่ต้องการเลือกความคุ้มค่าอย่างชาญฉลาด
ด้วยค่านิยมที่ว่า “ของดี ราคาถูกนั้น มีอยู่จริง” มากกว่า ความเชื่อที่ว่า “ของดี
ต้องจ่ายแพง ถึงจะได้มา”
เรากำลังคุยกับคุณที่มีไลฟ์สไตล์สุขสบายและภูมิใจ ที่ได้จ่ายเงินจำนวนน้อยกว่า
แต่กลับได้ของที่มีค่าเทียบเท่าหรือมากกว่า
เรากำลังคุยกับคุณที่มีวิสัยทัศน์พร้อมเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง
เพื่อสิ่งที่ดีกว่าที่จะเกิดขึ้นในโลกใบนี้
เรากำลังคุยกับคุณที่จะเป็นผู้นำในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ เพื่อส่งมอบต่อให้คนรุ่นต่อไป
ด้วยการปฏิเสธผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มาจากการทำลายสิ่งแวดล้อม
แต่จะใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนที่มาจากการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่านั้น
ถ้าใช่! คุณ ก็คือ ลูกค้าผู้ทรงเกียรติของเรา
เพชรสังเคราะห์ ถูกคิดค้นในการผลิตในห้องแล็บด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2497 หรือเมื่อ 69 ปีที่แล้ว หรือเรียกอย่างอย่างว่า เพชรแล็บ Laboratory-Grown Diamonds (LGD)โดยมีองค์ประกอบทางเคมีและคุณสมบัติทางกายภาพเหมือนกับเพชรธรรมชาติทุกประการ ต่างกันแค่ต้นกำเนิดที่มาจากฝีมือมนุษย์
แม้ว่ามนุษย์เราไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเพชรแท้ และเพชรสังเคราะห์ได้ด้วยตาเปล่า ต้องอาศัยการสังเกตแยกแยะจากเครื่องมือพิเศษเฉพาะเท่านั้น แต่การยอมรับในเพชรสังเคราะห์ยังคงเป็นข้อครหา เนื่องจากคนส่วนมากยังมองเพชรสังเคราะห์ เสมือนกับเพชรปลอม
แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด เศรษฐกิจทั่วโลกได้ถดถอย การซื้อเพชรธรรมชาติทีมีราคาสูง อาจดูเป็นเรื่องยากในสภาพสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพชรสังเคราะห์จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ในการซื้อเครื่องประทับ ทั้งในแง่ของราคาที่จับต้องได้ (ถูกกว่าเพชรธรรมชาติ 40-60%) และในแง่ของจริยธรรมการทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการใช้แรงงาน
LVMH บุกตลาด เครื่องประทับจาก ’เพชรสังเคราะห์’
LVMH บริษัทแบรนด์หรูชั้นนำจากประเทศฝรั่งเศส ที่มีแบรนด์ระดับไฮเอนด์มากถึง 75 แบรนด์ในมือ เช่น Louis Vuitton ,Tag Heuer, Christian Dior, Bulgari, Tiffany & Co., Pandora
ในปี 64 แบรนด์ Pandora ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับเงินรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เปิดตัวคอลเล็กชันเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ Pandora Brilliance ในสหราชอาณาจักร และได้มีแถลงการณ์ประกาศว่า”หลังจากนี้ทางแบรนด์จะไม่ใช้เพชรแท้ธรรมชาติที่ขุดได้จากเหมืองมาผลิตเป็นเครื่องประดับของแบรนด์อีกต่อไป รวมทั้งหยุดใช้ทองคำและเงินที่ขุดขึ้นใหม่ภายในปี 68 โดยทางแบรนด์จะเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่มาจากแหล่งรีไซเคิลเท่านั้น”
ล่าสุด LVMH ได้มีการลงทุนในโรงงานผลิตเพชรในห้องแล็บกับบริษัท LUSIX ที่ประเทศอิสราเอล ด้วยงบการลงทุนกว่า 90 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 3 พันล้านบาท) ในปลายปี 65
อีกทั้งแบรนด์นาฬิกาสุดหรูในเครืออย่าง Tag Heuer ได้มีการเปิดตัว Carrera Plasma นาฬิกาเรือนแรกของบริษัทนาฬิกาที่ประดับด้วยเพชรสังเคราะห์ ที่มีการเพิ่มความหรูหรา ด้วยการตกแต่งทั้งบนหน้าปัดซึ่งจะมีจำนวนทั้งหมด 2.9 กะรัต ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจมีราคาสูงถึง 20.1 ล้านบาท
เช่นเดียวกันกับ Fred แบรนด์จิวเวลรี่ในเครือของ LVMH ได้เปิดตัวเครื่องประดับเพชรสังเคราะห์ในเฉดสีฟ้าและขาว ทีมีราคาถึง 9.22 ล้านบาท
เหล่าคนดังออกมาเคลื่อนไหว ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เลือกใส่’เพชรสังเคราะห์’
นอกจากนี้ บรรดาเหล่าศิลปินคนดังระดับโลก ได้เริ่มออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนเครื่องประดับจากเพชรสังเคราะห์ผ่านการส่วมใส่ตามพรมแดงต่างๆเช่น
Emma Watson เลือกสวมใส่เครื่องประดับสุดหรูไปร่วมงาน Academy Awards ในปี 61 ที่ทำมาจากเพชรสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นจากห้องแล็บและทองคำรีไซเคิลทั้งหมด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในการลดการขุดเจาะหินในเหมืองแร่ธรรมชาติ
Rihanna เลือกสวมใส่สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และแหวนที่ทำจากอัญมณีทับทิมและแซฟไฟร์ที่มีน้ำหนัก 18 กะรัตลายล้อมไปด้วยเพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บรวมอีก 16 กะรัต ที่มีมูลค่ามากกว่า 34 ล้านบาท
Billie Eilish เลือกสวมใส่เครื่องประดับจากเพชรสังเคราะห์ในห้องแล็บเพื่อช่วยลดโลกร้อนจากการขุดเจาะหินของการสร้างเหมืองแร่อัญมณี ในงาน MET Gala ปี 64
ที่มา Forbes Thailand
บริษัทเจ้าของเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง De Beers นั้นในอดีตเคยประกาศว่าจะไม่ขายเพชรสังเคราะห์ที่ทำมาจากห้องแล็บโดยเด็ดขาด แต่ล่าสุดนั้นบริษัทได้เปลี่ยนความคิดนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Bloomberg ได้รายงานว่า De Beers เตรียมขายเพชรสังเคราะห์ในราคา 800 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,600 บาท) ต่อกะรัต
De Beers จะจำหน่ายเพชรสังเคราะห์ยี่ห้อที่มีชื่อว่า Lightbox Jewelry โดยคาดว่าจะจำหน่ายในปลายปีนี้ โดยผู้ที่รับผลิตนั้นเป็น Element Six ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทางบริษัทเอง ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านเพชรสังเคราะห์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่น ในการขุดเจาะน้ำมัน
กลับลำเพราะว่าตลาดเพชรสังเคราะห์ใหญ่มาก
การกลับลำของ De Beers ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของวงการอัญมณี เนื่องจากตลาดเพชรที่กำลังเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนั้นมูลค่าของตลาดเพชรนั้นสูงถึง 80,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนทางด้านเพชรสังเคราะห์นั้นคาดว่าตลาดจะโตถึง 28,000 ล้านเหรียญในปี 2024 เติบโตเฉลี่ยประมาณ 9% ต่อปี
และยังรวมไปถึงปัจจุบันลูกค้ามีความต้องการที่ซื้อเพชรสังเคราะห์มากขึ้น เพราะว่ามีราคาถูกกว่าเพชรจริงๆ ปัจจุบันแม้แต่บริษัทค้าปลีกอย่าง Walmart ก็ได้นำเพชรสังเคราะห์มาจำหน่ายสำหรับผู้ที่สนใจในอัญมนีอย่างเพชร แต่ราคาถูกกว่า
Steve Coe ผู้จัดการทั่วไปของ De Beers ได้กล่าวว่า เนื่องด้วยความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น จึงต้องทำให้บริษัทต้องออกผลิตภัณฑ์อย่างเพชรสังเคราะห์ออกมา ด้วยราคาที่ลูกค้าจับต้องได้
สรุป
การปรับตัวของ De Beers ถือว่าตอบโจทย์ลูกค้าที่อยากได้เพชรสังเคราะห์ราคาถูก และปลอดภัยในเรื่องของการถูกขโมย เพราะปกติแล้วบริษัทลูกอย่าง Element Six จะเน้นไปที่การทำเพชรสังเคราะห์สำหรับงานอุตสาหกรรม แต่ไม่ได้เน้นสำหรับเรื่องของแฟชั่นมากนัก
ถึงแม้ว่าทางบริษัทจะเคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ขายเพชรสังเคราะห์เมื่อนานมาแล้ว แต่เนื่องจากผู้บริโภคเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ จึงทำให้บริษัทก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย
ต้องรอดูกันว่าหลังจากการเปิดตัวปลายปีนี้แล้ว ยี่ห้อเพชรสังเคราะห์อย่าง Lightbox Jewelry จะเบียดก้าวจนขึ้นมาเป็นผู้นำของตลาดเพชรสังเคราะห์ได้หรือไม่
Pandora บริษัทเครื่องประดับอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศหยุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพชรธรรมชาติที่ได้จากการทำเหมือง และหันไปใช้เพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บ (Lab-Grown Diamond) โดยก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการออกคอลเล็คชั่นแรกที่ใช้เพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บ
คอลเล็คชั่นใหม่ของ Pandora ก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เมื่อวานนี้ Pandora ได้ออกคอลเล็คชั่นใหม่ชื่อว่า Pandora Brilliance เป็นคอลเล็คชั่นแรกของ Pandora ซึ่งมีทั้งต่างหู สร้อยคอ และแหวน ที่ทำมาจากเพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บ วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 250 ปอนด์ หรือประมาณ 10,850 บาท โดยวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรก
เพชรสังเคราะห์จากห้องแล็บไม่ใช่ของปลอม ของทดแทน หรือของเกรดเทียบเท่า เพราะเพชรดังกล่าวเป็นเพชรแท้ๆ ที่เกิดจากการเลียนแบบกระบวนการเกิดแร่เพชรตามธรรมชาติ เพชรที่ออกมาก็มีคุณสมบัติทั้งทางกายภาพ ทางเคมี และทางแสงไม่ต่างจากเพชรแท้ตามธรรมชาติ
การปรับตัวของ Pandora: ธุรกิจปัจจุบันมีหลายเรื่องต้องคิด
มีหลายเหตุผลที่ทำให้ Pandora ต้องปรับตัวในครั้งนี้ แต่เหตุผลที่ชัดที่สุดคือเรื่องการสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม โดยทาง Alexander Lacik ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Pandora ได้ออกมาบอกเองว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นสิ่งถูกต้องที่ควรจะทำ และเป็นก้าวแรกของการปรับตัวเพื่อสร้างความยั่งยืนที่ใหญ่ไปกว่านี้
อีกประเด็นหนึ่งทำให้ Pandora ให้ความสนใจกับเพชรแท้จากห้องแล็บคือปัจจัยเรื่องราคา
รายงานของ Bain & Co. บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ต้นทุนในการผลิตเพชรในห้องแล็บลดลงมากกว่า 10 เท่า จากปี 2018 แถมคุณภาพตามหลัก 4Cs ไม่ต่างจากเพชรตามธรรมชาติทั้งในในเรื่องของการเจียระไน (Cut) สี (Color) น้ำหนักกะรัต (Carat) และความสะอาด (Clarity)
image from pandora.net
ในรายงานยังเปิดเผยอีกว่า ราคาของเพชรแท้จากแล็บจะถูกกว่าเพชรตามธรรมชาติ และที่สำคัญอาจสวยกว่าด้วย ส่วนเรื่องราคาที่ถูกลง แน่นอนว่าจะมีส่วนที่ทำให้ผู้บริโภคหันมามองว่าเครื่องประดับจากเพชรของ Pandora เหมาะที่จะสวมใส่ในทุกๆ วัน และมีได้ทีละหลายๆ ชิ้น เป็นการกระตุ้นยอดขายไปในตัว
อีกปัจจัยคือสิทธิมนุษยชน เมื่อปีที่ผ่านมา รายงานจาก Human Right Watch เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในระดับโลกเปิดเผยว่า มีผู้ผลิตอัญมณีเพียงแค่บางเจ้าเท่านั้นที่สามารถเสาะหาเหมืองเพชรที่ปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษชนได้ แต่บริษัทส่วนใหญ่ยังไม่สามารถทำให้ผู้บริโภคแน่ใจได้ว่าไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการผลิต เพราะในอีกด้านหนึ่งการละเมิดสิทธิแรงงาน เช่น การใช้งานเกินกำลัง การใช้กำลังกดขี่ รวมถึงการลดทอนสวัสดิการแรงงานต่างๆ ล้วนแล้วแต่ทำให้ผู้ผลิตมีต้นทุนการผลิตต่ำลง
- Biden เตรียมกระตุ้นกลุ่ม G7 ร่วมกดดันจีนกรณีบังคับใช้แรงงานอุยกูร์
- Kagome ซอสญี่ปุ่นอันดับ 1 ระงับนำเข้ามะเขือเทศซินเจียง จีน
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวเผยว่า Pandora เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำได้ดีในประเด็นด้านนี้ และการหันไปใช้เพชรแท้จากห้องแล็บก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ เพราะยิ่งการผลิตเพชรแท้จากห้องแล็บมีต้นทุนถูกลง ก็ยิ่งทำให้ Pandora ไม่ต้องพึ่งพาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อกดต้นทุนให้ต่ำ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังได้เพชรที่มีคุณภาพคงเดิม
ที่มา – BBC, The Guardian, CNBC